14 มิถุนายน 2551

what do you want ?

ในความเป็นจริงเกี่ยวกับเรื่องการรณรงค์ให้ประหยัดพลังงานนั้น ผมยังไม่ค่อยเห็นการนำเอามาใช้อย่างจริงๆจังๆสักที มักจะได้เห็นก็เพียงแค่ตัวอย่าง เช่น เห็นในรายการโทรทัศน์เอาสกู๊ปพิเศษมาให้ดู เกี่ยวกับคน คนนึงที่พยายามจะใช้ชีวิตอย่างประหยัดพลังงาน แต่มันก็เป็นแค่ตัวอย่างของคนบางคนเท่านั้น เพราะในความเป็นจริงคนส่วนใหญ่ก็ยังใช้ชีวิตกันเหมือนเดิม ไม่ว่าจะมีโฆษณาดีๆออกมาเยอะแค่ไหนแต่คนยังไม่มามองมันตรงที่ความน่าเป็นห่วงอย่างจริงจัง มันก็คงจะเป็นได้เพียงแค่โฆษณาหรือสื่อที่ดีๆ แค่ชิ้นนึงที่ได้รับรางวัลเพียงแค่นั้นแหละ
ถ้าเกิดจะให้ผมแสดงความคิดเห็น ผมว่าพวกเราแต่ล่ะคนนั้นมีหน้าที่และสถานะที่แตกต่างออกกันไป แต่ถ้าใครคิดอยากจะช่วยกันประหยัดพลังงานนั้น
แต่ล่ะคนก็สามารถช่วยกันโดยเริ่มที่ปัจจัยการดำเนินชีวิตที่พื้นฐานของแต่ล่ะคนเป็นหลัง เพราะหลักการของคน คนนึง อาจจะไม่สามารถใช้ร่วมกับชีวิตของใครอีกคนก็ได้ เพราฉะนั้นเราเราควรมาทบทวนและถามตังเองดีกว่าว่าเราจะทำอะไร และเราจะทำได้ไหม เพราะเราเองย่อมรู้จักตัวเราเองเป็นดีที่สุด ตัวอย่างเช่นผม ตอนนี้ได้รับโปรเจ็ค energy ผมก็ควรที่จะตั้งเป้าดีๆว่าต้องการอะไร แล้วจะทำอะไร แล้วจะทำอย่างไร และยิ่งต้องระมัดระวังมาขึ้นในการทำงานเรื่องนี้เพราะถ้าทำออกมาแล้วไม่ดี มันอาจจะทำให้กลับไปเพิ่มความสิ้นเปลืองพลังงานอีกก็ได้ โดยเฉพาะในสายอาชีพของเรานั้นยิ่งเสี่ยงต่อการสิ้นเปลืองพลังงานมากกว่าอาชีพอื่นๆด้วย อย่างน้อยในแต่ล่ะวันๆแค่เปิดเครื่องคอมพิวเตอร์เฉยๆก็เปลืองแล้ว ยิ่งพวกเราชอบทำงานกันดึกๆอีกต่างหาก ทำให้สิ้นเปลืองทั้งไฟ แอร์ นำ้ อาหาร และบุหรี่อีกต่างหาก

"reset"

หลังจากสัปดาห์ล่าสุดที่ได้เข้าเรียนวิชา com5 และได้เริ่มเปิดประเด็นความสนใจของแต่ล่ะคนที่ได้จากการคิดโจทย์ energy แต่ล่ะคนก็คิดและสนใจแต่ต่างกันไป แต่เมื่อได้ฟัง present จากหลายๆคน และ comment จากท่านอาจารย์ทั้งสอง มันก็ทำให้เราได้กลับมาคิดใหม่อีกทีว่า สิ่งที่เราคิดอยู่มันน่าสนใจแล้วจริงๆเหลอ หรือที่เรากำลังสนใจอยู่นั้นมันมีเพียงแค่เราที่คิดไปเอง หรือเรื่องที่เราคิดมันเป็นแค่เราเองที่คิดสนใจกับมัน ทั้งๆที่งานที่เราจะทำนั้น มันต้องการความสนใจของผู้อื่นมาประกอบด้วย หนทางเดีียวที่เราจำได้คำตอบนั่นก็คือ ควรจะแลกเปลี่ยนความคิดของเรากะคนอื่นให้มากขึ้น
และพยายามเอาความสงสัยของคนอื่น มาถามความต้องการของเราอีกที มีหลายๆคนรวมถึงผมด้วยที่มีความสนใจอยากจะนำเสนองานออกมาใน
รูปแบบของ vdo หรือ ภาพเคลื่อนไหว ซึ่งจจริงๆแล้วแค่คิดที่จะทำโปรเจคก็ทำให้สิ้นเปลืองพลังงานแล้ว เพราะถ้าต้องนำเสนอบนจอมอนิเตอร์มันก็ต้องเปลืองไฟ ต้องเสียบเครื่องขยายเสียงอีต่างหาก และคงไม่ใช่แค่การเปิดแสดงให้ดูแค่ครั้้งเดียวแน่ๆ อย่างน้อยตอนสร้างงานก็คงเปลืองอยู่ใช่ย่อย
ดังนั้นผมจึงตั้งใจจะกลับมาลองคิดและไตร่ตรองความต้องการของตัวเองอีกครั้งโดยมันจะตั้งอยู่บนจริงที่เป็นอยู่ และจะไม่ทำให้ต้องสิ้นเปลืองพลังงานมากไปกว่านี้ บางครั้งการทำอะไรที่ไม่ค่อยถูกทางแล้วเริ่มรู้สึกได้แต่เนิ่นๆ มันก็น่าจะทำให้เราไม่ต้องเสียเวลาไปลองในสิ่งอื่นให้มันสิ้นเปลืองพลังงงาน

08 มิถุนายน 2551

energy

และแล้วเทอมนี้ก็เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ พร้อมกับฟุตบอลยูโร โดยมาพร้อมกับสิ่งที่เรากำลังรอคอยคือคำหนึ่งคำที่เราจะอยู่กะมันไปทั้งเทอม คำนั้นก็คือ "energy" นั่นเอง ผมว่าคำๆนี้มันก็น่าสนใจอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียวววว มันอาจไม่ใช่ทุกอย่างในชีวิตของเรา แต่เราคงปฏิเสธไม่ได้ว่าปัจจุบันนี้ในสมองของเรานั้นต้องคิดเกี่ยวกับ energy หรือพลังงานอยู่เกือบตลอดเวลา โดยเฉพาะในปัจจุบันที่กระแสของราคานำ้มันโลกเพิ่มขึ้นสูงมากๆจนทำให้ผู้คนได้รับความเดือดร้อนไปทั่วโลก อย่างในบ้างเรายกตัวอยางใกล้ตัวก็เช่น ปัญหารถเมล์ขอขึ้นราคา หรือประท้วงยกเลิกการวิ่งให้บริกการ ทำให้ผู้คนเดือดร้อนกันเป็นแถวๆ และเนื่องจากการขนส่งสินค้าต่างๆที่จะต้องใช้นำ้มันเป็นปัจจัยพื้นฐาน ทำให้ต้นทุนสินค้าเกือบทุกชนิดก็ต้องปรับขึ้นราคาตามๆกัน เท่าที่ผมจำความได้นั่้นก็คือ ราคาน้ำมันได้มีการปรับตัวขึ้นอยู่เรื่อยๆมาเป็นเวลานานแล้ว และก็เคยมีการรณงค์ให้ประหยัดพลังงานและน้ำมันกันมาตั้งนานแล้ว อาจเป็นเพราะว่าเมื่อก่อนเราคงยังไม่เดือดร้อนมากมายพอที่เราจะไปเห็นความสำคัญของการประหยัดเล็กๆน้อยพวกนั้นก็ได้ แต่เมื่อมาถึงปัจจุบัน
มาถึงยุคที่สามารถเรียกได้ว่ายุควิกฤตน้ำมันโลก เมื่อทุกคนเดือดร้อนขึ้นมาจิงๆ ไม่จำเป็นที่จะต้องมีโฆษณาอะไรให้มันมากมาย ทุกคนกลับหันมาหาวิธีการลดการใช้พลังงานเหล่านั้นกันอย่างถ้วนหน้า มันอาจจะเป็นไปตามสัญชาตญาณการเอาตัวรอดของพวกเราก็ได้ หรือมันอาจเป็นไปตามภาษิตที่ว่า"ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา"ก็ได้
แต่ก็ไม่ได้มีเพียงแค่ปัญหานำ้มันอย่างเดียวที่มีการเตือนกันอยู่ในปัจจุบัน ยังมีอย่างอื่นอีกเช่น ปัญหาภาวะโลกร้อน หรืิอปัญหาด้านอาหาร เป็นต้น
ปัญหาเหล่านั้นก็เริ่มแสดงออกมาให้พวกเราได้เห็นกันบ้างแล้ว แต่ว่ามันอาจจะยังไม่หนักพอที่จะทำให้คนเราหันมาช่วยเหลือกันเพื่อที่จะหยุดยั้งมัน แต่มันต้องมีสักวันแน่นนอนที่ปัญหาเหล่านั้นจะต้องมาสร้างความเดือดร้องในการดำรงชีวิตอยู่ของพวกเรา เพียงแค่ไม่รู้แน่นอนว่ามันจะมาเร็วแค่ไหน...