25 พฤศจิกายน 2550

"I draw cause I can draw"

Kentaro Hiroki ศิลปินสายเลือดแดนปลาดิบ
ที่ no space atr gallery แถวๆซอยสุขุมวิท71 โดยเมื่อปี่ที่แล้วผมและเพื่อนๆ มีโอกาศได้เรียนกับKentaro ในวิชาCom Design4กับเขา
แต่สำหรับเหตุผลที่ผมต้องมาเรียนอีกครั้งในปีนี้นั้น จะไม่ขอพูดถึงแล้วกัน(ละไว้ในฐานที่ไม่ค่อยเข้าใจ)
โดยครั้งนี้ก็เป็นครั้งแรกของการเจอกันหลังจากที่เคยเจอกันทุกสัปดาห์
นี่เป็นการไปดูงานด้วยความต้องการความรู้ประสบการใหม่
ไม่ได้ไปเพราะต้องการคะแนนหรือต้องการเช็คชื่อ
ผมเคยเรียนกับอาจารมาก็หลายคน
หลากหลายความเก่งหลากหลายสไตล์
แต่Kentaroก็เป็นอาจารย์คนหนึ่งที่ผมชอบ
วิธีการเรียนการสอนของเค้า
เขามักจะพยายามบอกไห้นักเรียนคิดอยู่เสมอ
และก็สอนให้เรามองสิ่งที่เรารู้จักหรือคุ้นเคยอยู่แล้ว
ให้เราลองมองมันในอีกแง่มุมหนึ่ง
ซึ่งมันอาจทำให้เราได้พบกับสิ่งใหม่
ทั้งทัี่เราคุ้นเคยกับมันอยู่แล้ว
แต่แค่ยังไม่เคยมองมันในมุมใหม่
เคนทาโร่เคยบอกเสมอว่าการทำงาน
มันไม่จำเป็นต้องพึ่งคอมพิวเตอร์เสมอไป
มันอาจเป็นข้อจำกัดความคิดของเรามากกว่า
แต่อาจจะด้วยปัญหาด้านการสื่อสาร
หรืออะไรซักหลายๆอย่างทำให้ผมไม่ค่อยจะได้ถาม
อะไรส่วนตัว(คุยนอกคลาส)กับเขามากมาย
เมื่อมีโอกาศได้ไปดูงานของKentaro
ผมก็คงจะไม่อยากพลาดที่จะไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์ความรู็














เมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมา ผมมีโอกาศได้ไปร่วมในวันเปิดแกเลอรี่ของ


เมื่อไปถึงที่แกเลอรี่ก็ได้เจอกับบ้านหลังหนึ่งที่มีคนนั่งคุยกัน
ประมาณสักยี่สิบกว่าคนนั่งๆยืนๆคุยกันอยู่ไม่รู้ว่ามาผิดงานหรือเปล่า
แต่พอมองๆไปก็ได้เจอกับKentaroเขาก็เชิญให้เข้าไปชมงานข้างไน
ความรู้สึกแรกที่สัมผัสได้เมื่อเข้าสู่ในงานก็คือเป็นกันเอง อบอุ่น สบายๆ
แต่ปัญหาก็คือ "ไหนงานว่ะ"เพราะลองมองหาดูรอบๆตัวแต่ไม่เห็นจะมีงานเลย
มีแต่คนนั่งคุยกัน และโปรเจ็คเตอร์เปิดอยู่ฉายอยู่ ผมก็คิดว่ามันเป็นงานหรือเปล่า
แต่เมื่อเดินงงๆสักพักKentaroก็เดินเข้ามาหาแล้วก็อธิบายบางอย่างให้พวกผมฟัง
จับใจความสำคัญและแปลแบบมั่วๆได้ว่า การมาดูงานของเขานั้นอาจไม่เหมือนกับ
การไปดูงานที่อื่นๆที่เคยไปดูมา ถ้าจะดูงานของเขาสิ่งหนึ่งที่คุณต้องทำก็คือ
หาว่างานเขาอยู่ตรงไหน แต่ก็พอที่จะดูออกเพราะบนฝาผนังจะมีไฟส่องลงมาอยู่
ก็พอจะเดาออกว่ามันต้องเป็นงานแน่ๆเลย "แล้วมันจะส่องทำไมว่ะ"
ก็เพราะมันเป็นกระดานเปล่าๆไม่มีอะไรเลย
แต่พอเริ่มงงกับอยู่พักใหญ่ก็ได้สังเกตุเห็นว่าบนพื้นข้างๆฝาผนังทุกอัน
ก็จะมีพวกขยะวางอยู่นิดๆหน่อยๆเราก็เคยเห็นงานเขาอยู่บ้าง
นั่นมันคืองานนี่เองเกือบจะเหยียบหรือเก็บไปทิ้งแล้ว
งานทุกชิ้นถ้าไม่ใช่คนที่ตั้งใจมาดูหรือไม่มีใครบอกก็คงจะไม่รู้
ว่ามันคืองานแน่นอน
แต่Kentaroก็ได้เข้ามาอธิบายงานเขาผมก็ได้รวบรวมศัฟท์ภาษาอังกฤษ
เท่าทีเคยผ่านเข้ามาในชีวิต และแล้วการสนทนาแบบมั่วนิ่มก็เริ่มขึ้น
โชคดีที่มีอาจารย์บลูอยู่ด้วยในงานเลยได้พอถามบางประโยคที่เดาไม่ออก
Kentaro อธิบายว่างานของเค้านั้นเป็นการทำงานที่ง่ายดายมากๆ very simple
ที่เค้าทำงานโดยCopy ลอกลายของเศษขยะหรือบิลจากซื้อของหรือตั๋วรถเมย์ต่างๆ
ที่เขาวาด(drawing)ก็เพราะว่าเขาวาดเป็นแล้วก็วาดรูปได้
ที่เขาทำอย่างนี้เพราะว่าเขาทำได้
และเขาก็ไม่ได้มีเงินเยอะ แม้เขาไม่มีเงินเขาก็สามารถทำงานได้
และถึงแม้ว่าคนอื่นมีเงินเยอะแต่ก็ไม่สามารถทำงานอย่างงี้ได้
ถ้าหากว่าเขาทำไม่เป็นหรือไม่ได้ชอบทำงานแบบนี้
และสิ่งที่เขาเลือกที่จะทำงานกับของเหล่านนี้ก็เพราะว่า
มันเป็นสิ่งของที่อยู่ใกล้ตัวเรามาก อยู่กับเราทุกวันๆ
จนคนเราหลายคนไม่เคยไห้ความสนใจกับมันเลย
พอซื้อของก็ทิ้งใบเส็จหรือกินของแล้วก็ทิ้งมันไปแค่นั้นเอง
ผมได้พยายามถามเขาต่อว่าคุณต้องการจะสื่อให้ผู้ชมงาน
คิดถึงหรือนึกถึงอย่างไร เขาก็บอกว่าแล้วแต่คนคิด
แล้วแต่ความคิดของผู้ชมแต่ละคนที่จะคิดหรือมองงานเขาอย่างไร
งานของเขานั้นเมื่อคุณมองมันคุณต้องมองให้มันให้เข้าไปเห็นถึงรายละเอียด
ของมัน คุณจะรู้ว่างานนั้นมันละเอียดมาก และเมื่อคุณดูใกล้ๆก็จะรู้ว่า
งานทุกชิ้นนั้นทำจากการวาดด้วยมือล้วนๆ มีรายละเอียดเล็กๆทุกอย่าง
ทั้งๆที่เขาเป็นคนญี่ปุ่น แต่กลับสามารถวาดได้ละเอียดกว่าคนไทยด้วยซำ้

ไม่มีความคิดเห็น: